พระนารายณ์กวนน้ำอมฤต รุ่น อมฤตสัมฤทธิ์ผล ปี 50 รุ่นสุดท้ายของหลวงพ่อดำ วัดเขาพูลทอง จันทบุรี

พระนารายณ์กวนน้ำอมฤต รุ่น อมฤตสัมฤทธิ์ผล ปี 50 รุ่นสุดท้ายของหลวงพ่อดำ วัดเขาพูลทอง จันทบุรี 

เมื่อพระนารายณ์อวตารกวนน้ำอมฤตทิพย์เครื่องรางวัตถุมงคล เพื่อความสัมฤทธิ์ผลเจริญรุ่งเรืองแห่งปี มากมายบริวาร บันดาลทรัพย์

"กูรมาวตาร" พระนารายณ์อวตารในปางที่สองปรากฏขี้นในคัมภีร์ปุราณะ กล่าวถึงมงคลมหาพิธีการกวน
น้ำทิพย์ "กูรมาวตาร" คือ การอวตารลงมาเป็น "เต่ารองรับเขามันทร" เพื่อรักษาแผ่นดินไว้มิให้โลกแตกสลาย

ดังมหาตำนานเรื่องเล่าโลารณความว่ามีฤาษีตนหนึ่งชื่อ ทุรวาส มีโทษะร้ายและมีฤทธิ์มาก เป็นอวตารปางหนึ่งของพระอิศวร ได้เหาะขี้นไปบนฟ้าได้รับพวงมาลัยดอไม้ทิพย์จาก "นางอัปสร" เป็นเครื่องบูชา ครั้นเหาะมาเรื่อยได้พบพระอินทร์ขณะทรงช้างเอราวัณผ่านมา ฤาษีทุรวาสก็ได้ถวายพวงมาลัยทิพย์นั้นเป็นการสักการะ พระอินทร์จึงได้เอาพวงมาลัยคล้องไว้บนกระบอกงวงช้าง ขณะนั้นช้างเอราวัณได้กลิ่นดอกไม้ทิพย์ก็เกิดอาการมึนเมาบ้าคลั่ง เอางวงคว้าพวงมาลัยมากระทืบเสีย ฤาษีทุกวาสแลเห็นดังนั้นก็โรธพระอินทร์เป็นอย่างมากจึงกล่าวสัจจะวาจาเป็นคำสาปแช่ง ว่า"หากแม้นพระอินทร์พรอมเหล่าเทวดาทั้งหลายรวมทั้งบริวารทำการสู้รบกับเหล่าอสูรพญายักษ์ทั้งหลายจงสู้รบแพ้ทุกครั้งไป" คำสาปของพระฤาษีทุรวาสนั้นจึงทำให้เกิดโทษเกิดผลเสียหายแก่เหล่าหมู่เทวดาโดยถ้วนหน้า เมื่อเกิดสงครามคราวใด เหล่าทวยเทพเทวดาทุกองค์ต่างสู้รบพ่ายแพ้แก่อสูรทุกครั้งไป เรื่องได้ร้อนถึงพระอินทร์จึงได้นำความไปกล่าวทูลปรึกษากับพระนารายณ์

พระนารายณ์จึงแนะนำให้กระทำมหามงคลพิธี "กวนน้ำทิพย์หรือน้ำอมฤต" เพื่อความเป็นอมตะสัมฤทธิผล
ตลอดกาล และมิได้ล้มหายจากการรบ "เทวาสุระสงคราม" อีกต่อไป แต่การกวนน้ำทิพย์นั้นเป็นงานใหญ่ ลำพังอาศัยกำลังชองเหล่าเทวดาคงทำไม่สำเร็จเป็นแน่แท้จึงปรึกษากันไปเกลี้ยกล่อมเหล่าอสูรหมู่ยักษาขอแรงให้มาร่วมช่วยอาศัยว่าเหล่าอสูรมีพละกำลังเป็นอันมาก

วิธีกวนน้ำทิพย์คือ ให้เหล่าเทวดาและเหล่าอสูรช่วยกันชะลอ "ภูเขามันทร" เป็นไม้ที่กวน ซึ่งเป็นภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในเทือกทิวเขาหิมาลัยลงไปตั้งในเกษียรสมุทร (ทะเลน้ำนม) อาศัยพญานาคนามว่า "วาสุกรี" ผู้มีฤทธิ์เดชมหาศาลมาผันเป็นเชือกรอบเขามันทร เหล่าเทวดาได้บอกแก่อสูรว่าหากแม้นเมื่อกวนน้ำทิพย์สำเร็จจะนำมาแบ่งให้เหล่าอสูร อสูรจึงพากันมาช่วยโดยให้เหล่าอสูรหมู่ยักษ์ฉุดทางหัวนาค ส่วนเหล่าเทวดาฉุดทางด้านหางนาค ระหว่างที่ทำการฉุดชักอยู่นั้น พญานาควาสุกรีทนความร้อนแรงแห่งฤทธฺ์มงคลพิธีสำคัญครั้งนั้นไม่ได้จึงสำรอกยาพิษออกมาเรื่อยๆ และได้มีการเกณฑ์ให้เทวดาและหเล่าอสูรนำเอาสมุนไพรว่านยานานาชนิดนำมาใส่ลงไปในทะเลน้ำนมเพื่อให้เกิดมีกลิ่นอันหอมไปทั่วทั้งสามแดนโลกธาตุ และเป็นทิพย์สภาวะ การปั่นภูเขามันทรยิ่งนานก็ยิ่งเจาะลงไปในแผ่นดินทุกที "พระนารายณ์"กลัวว่าแผ่นดินจะแตกย่อยสลายจึงได้อวตารเนรมิตพระองค์ให้เป็นเต่านามว่า "กูรมาวตาร" ลงไปรองรับเขามันทรไว้จึงทำให้โลกรอดพ้นจากการแตกย่อยสูญหายไปได้ การกวนน้ำทิพย์ได้ดำเนินมหามงคลพิธีผ่านไปนับหลายพันปี พญานาควาสุกรีทนทานกับการเสียดสีมิได้ร่างกายอ่อนเพลียลงจึงสำรอกกาฬพิษเป็นไฟกรดอันร้อนแรงออกมาทำให้เกิดการมืดครึ้มไปทั่วทั้งจักรวาล ร้อนถึงพระอิศวรพระผู้มีความห่วงใยต่อโลกกลัวว่าไฟกรดจะเผาผลาญโลกและหมู่สัตว์จึงได้ทำการกลืนกินกาฬพิษทั้งหลายเอาไว้ด้วยฤทธิ์แห่งมหาพิษจึงทำให้พระศอของพระองค์เกิดการไหม้ดำเกรียม ด้วยเหตุนี้เองพระอิศวรจึงมีชื่อว่า "นิลกัณฐ์" (คอดำ) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

กาลเวลาล่วงพ้นเลยมาอีกนับพันปีได้บังเกิดสิ่งมหาวิเศษผุดขี้นจากการประกอบมหามงคลพิธีเกษียรสมุทรหลายๆ สิ่ง ซึ่งมีดังต่อไปนี้
1. แม่โคสารพัดนึก ชื่อ "สุรกี"
2. เทวีแห่งสุ ชื่อ "วารุณี"
3. ต้นปาริชาติ
4. คณานับนางอัปสร เป็นจำนวนมากถึง 35 ล้านตน
5. พระจันทร์ หรือ "โสมะ"
6. พิษร้าย ซึ่งเหล่าพญานาคพากันมาเสพเอาไปเพื่อให้เกิดเป็นพละกำลังของตน
7. พระลักษมีเทวี (พระนารายณ์รับไปเป็นพระชายา)
8. ม้า ชื่อ "อุจไฉศรพ"
9. ช้างไอราวัต
10. ธันวตริ (แพทย์สวรรค์) ซึ่งผุดขึ้นมาพร้อมกันทูนหม้อน้ำทิพย์ไว้บนศีรษะ เหล่าอสูรก็กรูกันเข้ามาเพื่อจะแย่งน้ำทิพย์ พระนารายณ์จึงแปลงร่างเป็นนางงามหลอกให้ไปเสียอีกทางหนึ่ง เมื่อเหล่าอสูรหมู่ยักษ์ไปแล้ว เหล่า
เทวดาก็พากันตักน้ำทิพย์กินกันโดยทั่วหน้า จึงได้ชื่อว่า "อมร" แปลว่า ผู้ไม่ตาย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

"พระผงนารายณ์กวนน้ำอมฤต เหมาะแก่การเก็บไว้สักการะบูชา และเพื่อการทำน้ำมนต์ต่างๆ

เนื้อผงว่านผสมผงมงคลต่างๆ สีน้ำตาล สร้าง 2,000 องค์ ปี 2550 (8ปีที่แล้ว)