ตะกรุดเสน่ห์นางพราย ( ตะกรุดดอกจ้อย ) หลวงปู่ขุ้ย วัดซับตะเคียน

ตะกรุดเสน่ห์นางพราย ( ตะกรุดดอกจ้อย ) หลวงปู่ขุ้ย วัดซับตะเคียน

ตะกรุดดอกเล็กที่เรืองฤทธิ์ ยาวเพียง 1 องค์คุลีของหลวงปู่ ตำนานความเฮี้ยนมีทุกดอก

ตอนที่สร้าง ลึกเข้าไปในป่าลำธารต้นแม่น้ำกง มีต้นตะเคียนใหญ่อายุเป็นร้อยปี นางตะเคียนต้นนี้ชาวบ้านล่ำลือมาก ปรากฏตัวให้เห็นบ่อย ๆ แปลงเป็นหญิงสาวบ้าง วิ่งบนยอดตะเคียนบ้าง เรื่องขอหวยแม่นยังกับจับวาง ปลายปี 2548 ตะเคียนต้นนี้ล้มลงโคนต้นแช่อยู่ในน้ำ นางตะเคียนได้มาขอให้หลวงปู่ช่วย พร้อมได้มาเข้าฝันพระอาจารย์ลอย หลวงปู่จึงให้พระอาจารย์ลอยไปดูให้เห็นกับตาว่าจริงไหม พอไปดูพบต้นตะเคียนล้มจริงโคนต้นแช่น้ำอยู่ หลวงปู่ได้ทำพิธีบอกกล่าวแล้วให้พระอาจารย์ลอยทำพิธีพลีกิ่งทางทิศตะวันออก มาให้ท่าน หลวงปู่พอได้รับกิ่งตะเคียนมาก็บอกว่า “ ดีหลาย ดีหลาย ”

หลวงปู่ได้นำกิ่งตะเคียนไปทำพิธีในกุฎิของท่าน วันรุ่งขึ้นหลวงปู่บอกอีกว่าแม่นางตะเคียนชื่อแม่นางสุชาวดี นำไปทำตะกรุดเมตตาแรงดี บารมีแม่สุชาวดี ช่วยดึงจิตผูกใจคนดี หลวงปู่ได้หยิบผงสีขาวขุ่นใส่ในกระป๋องนมจากในกุฎิท่านมาให้ บอกว่าเป็นผงเมตตา ผงมหาเสน่ห์ ชื่อว่า “ พระเตมีชุบชีวีเนมิราช ” โบราณเรียกอีกชื่อว่า “ ผงเมตตา 10 ชาติ ” หลวงปู่เสกไว้นานแล้ว ให้นำผงนี้ผสมผงตะเคียนแม่นางสุชาวดีอุดตะกรุด ขณะอุดตะกรุดก็ได้เกิดอาถรรพ์อีกไฟฟ้าที่ศาลาดับถึง 3 ครั้ง ไก่วัดขันตอนกลางคืนระงมไปทั่ว ไก่แจ้บางตัววิ่งวนรอบศาลาเป็นทักศิณาวัตรน่าประหลาด ด้วยฤทธิ์อำนาจของนางตะเคียนที่เป็นเทวดา ( รุกขเทวดา ) มีญาณวิเศษแทรกซึมไปทั่วทุกดอกพร้อมที่สร้างความดีเสริมบารมีกับหลวงปู่เป็น พลังอันแรงกล้าทำให้ตะกรุดดอกจ้อยมีอิทธิฤทธิ์ประดุจของขลังที่ใส่ผงกระดู กผีฉันนั้น แต่นี่แรงกว่าเพราะเป็นญาณของเทวดาไม่มีโทษภัยใด ๆ ประกอบกับเมตตาของหลวงปู่ที่เป็นเลิศอยู่แล้ว

ทำให้ตะกรุดดอกจ้อยนี้เก่งทุกเรื่อง เมตตามหานิยมก็หายห่วง เสน่ห์ดึงจิตใจคนเพศตรงข้ามก็แรง อธิฐานพกติดตัวใครก็รักเอ็นดู จะทำมาค้าขายก็ดีเลิศ แม้นางกวัก 10 ตนก็ไม่ปราณ จะทำธุรกิจการงานก็ราบรื่น คู่แข่งอริราชศัตรูสู้มิได้ เจรจาพาทีก็มีเสน่ห์ วิชาพุทธคุณบวกกับอำนาจนางตะเคียนทำให้ตะกรุดดอกจ้อยนี้สุดยอดไม่ด้อยไม่ป็น สองรองใคร ทำยากสร้างยาก และหายากกว่าจะครบเครื่องอย่างนี้ ตอกโค๊ตทุกดอก