หลวงปู่ผาดได้จัดสร้างวัตถุมงคล เพื่อเป็นเครื่องอุปถัมภ์ศิษย์ และเป็นที่ระลึกถึงความเจริญ ความเป็นมงคลมาตั้งแต่ท่านเริ่มมาครองวัดไร่ใหม่ ๆ จนถึงปัจจุบันมีหลายรุ่นที่โด่งดัง และก่อเกิดประสบการณ์อภินิหารมากมาย อาทิ พระพรหมลิขิต พระกริ่งเพชรกลับ พญาครุฑ ตะกรุดพระลักษณ์หน้าทอง พระบรมครูฤาษี ตะกรุดฝนแสนห่า ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช พระพิฆเนศวร หมากทุย พระกริ่งดีดศาลา ตะกรุดหวายรองบาตร เป็นต้น แต่ที่จะมาแนะนำวันนี้จะเป็นพระพรหมลิขิต และพญาครุฑ
หลักการสร้างตะกรุดมหาบุรุษ 8 จำพวก คือการนำคุณวิเศษ ของคนที่เหนือคนจากทิศทั้ง 8 ทิศ มารวมผนวกกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นเอกเหนือคนทั้งหลายในด้านมงคลต่าง ๆ ก่อให้เกิดลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และมหาโภคสมบัติ แก่ผู้บูชาอย่างอัศจรรย์ หมั่นปลุกด้วย “ทุ สะ มะ นิ ” อยู่เป็นประจำ จะมีคุณพระคุ้มครอง มีเทวดารักษา เพราะท่านเสกโดยใช้วิปัสนาเป็นตัวคุมอภิญญา คนยากจนจะกลายเป็นเศรษฐี เศรษฐีจะรักษาทรัพย์ไว้ได้นาน และมีทรัพย์สมบัติงอกเงยไพบูลย์ขึ้น คนโชคร้ายจะกลายเป็นคนโชคดี คนไม่มียศจะมียศ คนไม่มีผัวจะมีผัว คนไม่มีเมียจะมีเมีย คนไม่มีลูกจะมีลูก ผัวเมียรังเกียจกันจะคืนดีกัน บ้านเมือง ไร่นา สวน บริษัท ห้างร้าน วัดวาอาราม ที่เสื่อมโทรม ค้าขายไม่ดี เงินทองไม่เข้า มีแต่ปัญหา มีแต่รายจ่ายมากกว่ารายรับ เอาตะกรุดนี้ไปฝังไว้ให้ได้ 4 มุมบ้าน หรือเอาไปติดที่ป้ายบริษัท ห้างร้าน จะเจริญรุ่งเรือง ค้าขายดี มีกำไร เพิ่มพูน ร้อยเท่าพันทวี เอาตะกรุดนี้ติดตัวเดินทางยาตราดี มีโชค มีลาภ ศัตรู คิดร้าย ไม่อาจทำอันตรายเราได้ กลับพ่ายแพ้ภัยตัวเอง ยามเจรจา ค้าขาย ติดต่อธุรกิจ การพานิชต่าง ๆ ประสบผลสำเร็จดียิ่ง มีอ้างอิงไว้ตามตำรามาแต่โบราณ
ในด้านการปลุกเสกวัตถุมงคล หลวงปู่นั่งอธิษฐานจิตแบบลืมตาเสก คือว่าคาถา เป่าไปเรื่อย ๆ ซึ่งผู้รู้บอกว่า การลืมตาเสกเป็นการเสกแบบเปิดโลก แบบเดียวกับ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก คือ เปิดหนทางทุกอย่าง เปิดโภคทรัพย์ เปิดทางชีวิต มีอภิญญาจิต คุณวิเศษ ผู้หยั่งรู้วาระจิตคน เล่ากันว่า แม้แต่เทวดา ยังมาฝากตัวเป็นศิษย์และกระแสจิตท่านเทียบเท่า ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต พระอรหันต์กลางกรุงแห่งวัดเทพศิรินทร์ฯ