พระหางหมาก(พระราชพรหมยาน)หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

“สมเด็จท่านตรัสว่า อานุภาพของสมเด็จหางหมากนั้น รอบรัศมี ๔ เมตร กัมมัตภาพรังสีจะเข้าไม่ได้เลย ถ้าใช้ในการรบเพื่อประเทศชาติ คำว่า ตายรับรองว่าไม่มี แต่ถ้าใครนำไปใช้ในทางที่ผิด จะถูกปืนยิงแสกหน้าตาย...!”

สำหรับหางหมากหรือหางพลูนั้น เมื่อเสกหมากก่อนฉันแล้วนำหางพลูที่เหลือ มาผสมกับผงทำเป็นพระ แล้วนำเข้าพุทธาภิเษกอีกครั้ง

ปลุกพระนี่แสงไม่เหมือนกัน ถ้าปลุกแก้วเหมือนกันทุกครั้งนะ มาปลุก พระคำข้าว แสงหนาทึบขาว แสงขึ้นหนามาก แต่ พระหางหมาก นี่ แสงเหมือนกับดวงเทียน ดวงเทียนกับไฟฟ้าใหญ่ ๆ นะ แต่ละองค์สว่างมากไม่เหมือนกัน อานุภาพต่างกันและท่านก็บอกว่า พระหางหมาก นี่หนักในทางป้องกันและสู้...ก็ห้อย ๒ องค์ ตอนเสกต้องเต็มอัตรา คุมอยู่นี่ คุมเลย อารมณ์นี่พลาดนิดไม่ได้ ได้ผลเร็วเป็นอัศจรรย์

…..พระหางหมากพิมพ์ปรกติ(ด้านหน้าจริงๆแล้วคือพระยืน ๓๐ ศอกแต่หลวงพ่อฤาษีลิงดำบอกกับพระลูกศิษย์ผู่จัดทำ”ว่าเอาให้ท่านนั่งลงและเอาบาตรออก” เมื่อสร้างออกมาเสร็จลักษณะดูพระคล้ายหลวงพ่อโสธร-ส่วนด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อนั่งในใบโพธิ์พัดยศ)เมื่อสร้างเสร็จนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกในงานเป่ายันต์เกราะเพชรเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2533 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,000,000 องค์ ส่วนพระหางหมากพิมพ์พิเศษ(ด้านหน้าเป็นรูปสมเด็จองค์ปฐม-ด้านหลังเป็นรูปยันต์เกราะเพชร) นั้นเข้าพิธีพุทธาภิเษกเมื่อ เดือนกรกฎาคม 2535 พร้อมกับสมเด็จองค์ปฐมรุ่น 2 มีจำนวนทั้งสิ้น 100,000 องค์

…วิธีอาราธนาพระหางหมาก คำอาราธนา ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหมด รวมทั้งเทวดาและพรหม ครูบาอาจารย์ทั้งหมด มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.อยุธยา เป็นที่สุด แล้วตั้งนะโม ๓ จบ ปฏิบัติตามปกติว่าอิติปิโส ๑ จบ หลังจากนั้นให้อธิษฐานเอาตามประสงค์ เมื่ออธิษฐานแล้ว ปลุกด้วย คาถาปลุกพระของหลวงพ่อปานว่า "อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะ เดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด"