ล็อกเก็ตเมตตา บารมี รุ่นสำเร็จปรารถนา หลวงพ่อสาคร วัดคลองหอทอง จ.ปราจีนบุรี อายุ 85ปี สร้างปี 2554
ด้านหลังบรรจุผงพุทธคุณผสมเกษา จีวร ตะกรุดเงินคู่ชวิต(จารมือ) แผ่นเงินตอกโค้ด รันหมายเลข
ฉากดำ-ทอง สร้าง 300 องค์
ปราจีนบุรีในอดีต เคยมีพระเกจิดังเรืองนามมากมาย เป็นที่รู้จักและศรัทธาจากพุทธศาสนิกชน ในหลายยุคหลายสมัย ทั้งในด้านกฤติยาคมและการเผยแผ่พุทธธรรมอาทิ หลวงพ่อเส็ง วัดประจันตคาม, หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน, หลวงพ่อดำ วัดกุฎี เป็นต้นแต่ที่โด่งดังมีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง ย่อมต้องเอ่ยถึงนาม "หลวงพ่อจาด คังคสโร" หรือ "พระครูสิทธิสารคุณ" แห่งวัดบางกระเบา อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี พระเกจิเรืองวิทยาคมในยุคสมัยสงครามอินโดจีน
แม้หลวงพ่อจาด จะละสังขารลาโลกไปนานแล้วก็ตาม แต่คุณงามความดียังคงให้จดจำมิลืมเลือน
ปัจจุบัน ยังมีพระดีที่ชื่อ "หลวงพ่อสาคร ภูริปัญโญ" หรือ "พระครูปัญญาพัฒนคุณ" พระเกจิที่ชาวบ้านศรัทธา เป็นพระเถระผู้ทรงศีลาจารวัตร เคร่งครัดในพระธรรมวินัย สืบต่อจากหลวงพ่อจาด
เป็นศิษย์ใกล้ชิดแต่เพียงรูปเดียวของหลวงพ่อจาด
หลวงพ่อสาคร สิริอายุ 85 พรรษา 65 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอบ้านสร้าง และเจ้าอาวาสวัดคลองหอทอง ต.บางเตย อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี
อัตโนประวัติ เกิดในสกุล วงศ์สุข เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2473 ตรงกับขึ้น 4 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเมีย ณ ต.บางเตย อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรีในวัยเยาว์ของท่านมิได้บันทึกปรากฏไว้แต่อย่างใด แต่เมื่อท่านอายุครบ 20 ปี บิดาได้นำท่านไปฝากกับพระอาจารย์ที่วัดบางกระเบาเมื่อฝึกอบรมได้เป็นเวลาพอสมควร ได้เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2493 มี พระครูสิทธิคุณ (หลวงพ่อจาด) วัดบางกระเบา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพิพัฒน์สารธรรม (หลวงพ่อมะโน) วัดคลองหอทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายา ภูริปัญโญ
หลังอุปสมบท อยู่ปฏิบัติรับใช้อุปัฏฐากและศึกษาพุทธาคมกับหลวงพ่อจาด ณ วัดบางกระเบา ได้ระยะหนึ่ง หลวงพ่อจาดจึงส่งให้ไปอยู่ช่วยหลวงพ่อมะโน เจ้าอาวาสวัดคลองหอทอง ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นพี่ แต่ก็ไปมารับใช้หลวงพ่อจาดมาตลอดในห้วงนั้น พระสาครในวัยหนุ่ม อยู่ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อจาดมายาวนาน ศึกษาวิชาหลายแขนง เช่น เมตตามหานิยม และอยู่ยงคงกระพัน
หลวงพ่อสาคร ย้อนความให้ฟังว่า "หลวงพ่อจาด เป็นพระที่เชี่ยวชาญวิทยาคม โดยเฉพาะในด้านวิชามหาอุด อยู่ยงคงกระพัน แต่จะไม่แสดงตนอวดวิชา แต่จะใช้วิชาดังกล่าวก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น ยุคสงครามมหาเอเชียบูรพา วัตถุมงคลของหลวงพ่อจาด มีการจัดสร้างกันหลายครั้ง แต่ครั้งที่ยิ่งใหญ่และสร้างกันเป็นจำนวนมาก เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2483 ซึ่งพระคณาจารย์ผู้ทรงคุณวิทยาคมทั่วประเทศ ได้จัดสร้างวัตถุมงคลแจกเหล่าทหารหาญ เกียรติคุณแห่งเหรียญหลวงพ่อจาดได้มาประจักษ์ขึ้น เมื่อเครื่องบินฝรั่งเศสมาทิ้งระเบิด แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเกิดปาฏิหาริย์เลื่องลือไปทั่ว จนได้รับสมญานามว่าเทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก หลวงพ่อจาด ดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่พระภิกษุทั่วไป และเป็นที่เคารพนับถือของพระเถระผู้ใหญ่"
จวบจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต หลวงพ่อจาด มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2499 ภายใต้การดูแลของหลวงพ่อสาครอย่างใกล้ชิด วิทยาคมและสรรพวิชาต่างๆ ของหลวงพ่อจาดได้ถ่ายทอดให้หลวงพ่อสาครหมดสิ้น เพื่อเป็นตัวแทนและให้เป็นที่พึ่งของบรรดาศิษยานุศิษย์
หลวงพ่อสาคร มีบทบาทในการสร้างความเจริญมาสู่วัดคลองหอทอง ทั้งในด้านถาวรวัตถุและด้านจิตใจของชาวบ้านหลังได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด
ในด้านถาวรวัตถุนั้น ท่านสามารถรวบรวมศรัทธาจากชาวบ้านทั้งในทางใกล้และทางไกล เพื่อสมทบทุนสร้างวัดให้เจริญรุ่งเรืองในส่วนของความเจริญทางด้านจิตใจ หลวงพ่อสาครจัดได้ว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธบริษัททั้งใกล้และไกลหากกล่าวถึงภูมิธรรมของหลวงพ่อสาคร แล้วไซร้ ท่านมิได้เป็นสองรองจากใครพระเถราจารย์ในยุคเดียวกัน ต่างยอมรับนับถือกันว่าหลวงพ่อเป็นผู้คงแก่เรียน แตกฉานในพระธรรมวินัย ตลอดจนศาสตร์แขนงอื่นๆ เช่น อักษรศาสตร์ และไสยเวท ฯลฯ
เนื่องจากเป็นศิษย์ผู้สืบทอดวิทยาคมจากหลวงพ่อจาด ด้วยเหตุนี้ วัตถุมงคลต่างๆ ที่หลวงพ่อสาครจัดสร้าง ต่างเป็นที่ยอมรับแก่บรรดาศิษยานุศิษย์ ได้รับความนิยมอยู่หลายรุ่น
ล่าสุด หลวงพ่อสาคร จัดสร้างวัตถุมงคล รุ่นสำเร็จปรารถนา เพื่อสมทบทุนสร้างพิพิธภัณฑ์ วัดคลองหอทอง ซึ่งกำลังดำเนินการก่อสร้างแต่ยังขาดทุนทรัพย์อีกจำนวนมาก
วัตถุมงคลที่จัดสร้าง อาทิ เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อสาครนั่งเต็มองค์ หน้าทองหน้าเงินหน้ากากทองแดงชุบนาก ฯลฯแต่ที่โดนใจบรรดาเซียนเห็นจะเป็นเหรียญพระเกจิอาจารย์ เหรียญแรกของประเทศไทยที่มีการนำ "คันฉ่อง" มาบรรจุไว้ด้านหลังเหรียญ หรือที่นิยมเรียกกันว่า "คันฉ่องส่องตะวัน" ด้วยเชื่อว่ามีพุทธคุณสะท้อนสิ่งไม่ดี สิ่งที่เป็นอัปมงคลให้ออกไป ดึงดูดสิ่งที่ดียศถาบรรดาศักดิ์ ความร่ำรวยเข้ามาในชีวิต
เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อสาคร หลังคันฉ่องส่องตะวัน รุ่นสำเร็จปรารถนา จึงเป็นวัตถุมงคลที่เพียบพร้อมทั้งพุทธศิลป์และพุทธคุณ จนกลายเป็นที่เสาะแสวงหาของประชาชนในท้องถิ่น
นอกจากนี้ ยังเป็นหัวเรือใหญ่ในการรวบรวมศรัทธาประสาทะ ในการ นำความเจริญมาสู่พระพุทธศาสนาจนได้รับขนานนามว่าพระดีศรีปราจีนบุรี