ประวัติที่ไปที่มา พระสังข์ หรือ พระอุปคุตหล่อโบราณ
พระสังข์ถ่วง เป็นชื่อเรียกกันปากต่อปาก ที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น บ้างก็เรียกพระสังข์ แต่แท้จริงแล้วนั้นคือพระอุปคุตที่อยู่ในหอย พระสังข์นี้ ตามที่สืบถามมา เป็นของตกทอดกันมาจากรุ่นอาจารย์มาถึงลูกศิษย์ อาจารย์ที่ได้มาถือเป็นคนแรกคือ พ่อใหญ่ครูเพ้ง เป็นคนบ้านดอนเกลือ แต่ไปมีครอบครัวที่อำเภอหนองฮี ในเขตจังหวัดร้อยเอ็ด และได้รับราชการครูที่อำเภอนั้น มีลูกศิษย์คนหนึ่งพอเรียนจบ แล้วได้ไปบวชเป็นสามเณร ติดตามตาผ้าขาว ข้ามไปเขมร ซึ่งแต่ก่อนการข้ามแดนเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องทำเอกสารใบผ่านแดนเหมือนทุกวันนี้ สามเณรรูปนั้นก็บวชได้หลายปี วันหนึ่งได้กลับมาเยี่ยมบ้านที่อำเภอหนองฮี และได้มาเยี่ยมอาจารย์เพ้ง ก็ถามนั้นถามนี้กันด้วยความเป็นครูและลูกศิษย์ที่เคยสอนตอนประถม สามเณรเล่าให้ครูเพ้งฟังว่า พอจบจากโรงเรียนก็ไปบวชสามเณร ธุดงค์ข้ามไปฝั่งเขมรกับตาผ้าขาว พ่อครูเพ้งจึงถามอีกว่า “ไปแบบนั้นได้ของดีวิชาคาถานำเพิ่นแน้บ่” สามเณรก็ตอบว่า ก็พอทีติดตัวบ้าง ครูเพ้ง เลยขอคาถาวิชากับสามเณร เพื่อจะได้มาช่วยพี่น้องและคนแถวนั้น สามเณรจึงท่องให้พ่อครูเพ้งจนเอา และได้มอบพระสังข์ให้ครูเพ้ง เพราะสมัยก่อน ตามชนบทอีสาน คนนับถือผีกันมาก ได้ตำราวิชามาก็หวังว่าจะนำมาช่วยคน ครูเพ้งก็ท่องตำราวิชาจนติด และสามารถช่วยคนผีเข้า และ ต่างๆได้จริง จนมีชื่อเสียงในแถบนั้น ลูกหลานทางบ้านดอนเกลือ ก็ไปมาหาสู่ครูเพ้ง ได้รู้จักว่าครูเพ้งมีของดีนั่นก็คือวิชาดี พ่อใหญ่หล้า ซึ่งเป็นน้องเขย ครูเพ้ง จึงได้ไปยกขันธัมสืบสายเรียนวิชาด้วย พ่อใหญ่หล้า ก็ได้มารักษาชาวบ้านดอนเกลือ และคนจากหลายพื้นที่ ที่เดินทางมาขอให้ช่วยเหลือ แต่ก่อนแถวนี้ชาวบ้านเล่าว่า ผีปอบเยอะ เวลาทำการคลอดลูก สมัยก่อนใช้หมอตำแยมาทำคลอด นอกจากเชิญหมอตำแยมาแล้ว ต้องเชิญหมอวิชาอาคม หรือ หมอธัม มาด้วย เพราะสมัยก่อนผีปอบร้ายมาก จะมากินสายรก มากินน้ำเลือดที่หยดลงมาใต้ทุนบ้าน ตรงที่ทำการคลอด ใต้ถุนบ้าน หมอวิชาจะให้คนหาหนามมาวางไว้และล้อมด้วยสายสิญจน์ เพื่อป้องกันไม่ให้ปอบ เป้า มากินเลือดและรกเด็กที่ตกลงมา (ลูกสาวพ่อใหญ่ธัมหล้าเล่าให้ฟัง) คนที่โดนผีเข้าก็มานอนรักษาตัว 7 วัน 7 คืน ที่บ้านพ่อใหญ่ธัมหล้า พ่อครูเพ้งเลยได้พระหลายอย่างมาฝากน้องเขย หนึ่งในนั้นคือ พระสังข์ พ่อใหญ่ธัมหล้า ก็นำมาแช่น้ำมนต์ มัดแขนลูกขับเสกธัมก่อนปลุกคุณพระรักษาคน ต่อมา พระปลัดบุญถึง ก็ไปขอเรียนวิชาจากพ่อใหญ่ครูเพ้ง พระปลัดบุญถึง เป็นเจ้าอาวาสวัดสุดดารังสรรค์ และเป็นพระครูสวด หลวงปู่ขันธ์ วัดท่าสะแบง ท่านก็ได้ตำราวิชามาก็มารักษาญาติโยมชาวบ้านทั้งใกล้และไกล หลวงปู่สังข์ท่านก็บวชเข้ามา จำพรรษาที่วัดสุดารังสรรค์ บ้านค้อชา พระปลัดบุญถึง และ หลวงปู่สังข์ เป็นญาติพี่น้อง หรือ เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พระปลัดบุญถึงก็พาหลวงปู่สังข์ ไปเรียนกับครูเพ้ง เพราะพระปลัดบุญถึง มีโครงการจะสึกออกไปสอบเป็นครู พระปลัดบุญถึง ก็พา หลวงปู่สังข์ไปยกขันธัม กับพ่อครูเพ้ง ในตัวปลัดบุญถึง มีตำราวิชาอะไร ก็ถ่ายทอดให้หลวงปู่สังข์ ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องจนหมด หลวงพ่อสายทองเล่าว่า พระปลัดบุญถึง รอให้หลวงปู่สังข์ ครบ 5 พรรษา พระปลัดบุญถึงค่อยสึก เพราะพระคู่สวดสมัยก่อน ต้องถือพรรษา 5 ขึ้นไป ในช่วงนั้นหลวงพ่อสายทองเล่าว่า พ่อใหญ่ธัมหล้า นอกจากยกธัมจากพ่อครูเพ้งแล้ว ยังไปเรียนมาอีกหลายวิชา จนคนว่าแก่เป็นปอบ จึงไปให้หลวงปู่คำพา ต้นตำรามูลพระธรรม บ้านนกหอเสียออกให้ พอทำพิธีเสร็จ ปู่คำพา บอกว่าเกิดจากของที่ไปเอามาจากหลายๆที่ หลายอาจารย์ ก็เลยผิดพระธัม ทำให้เป็นปอบ หลวงปู่คำพา จึงให้พ่อใหญ่หล้า ไปเอาของทั้งหมด มาทิ้งที่ฐาน (ฐาน คือ ส้วมในสมัยก่อน) พ่อใหญ่หล้า เลยไปเก็บของทั้งหมดมาทิ้ง ให้เหลือแต่คลองพระธัม สิ่งที่ไม่ได้เก็บไปทิ้งคือ #พระสังข์ หลวงปู่คำพาชำฮะเสียให้หมดแล้ว จึงได้นำ #พระสังข์ ไปถวายให้พระปลัดบุญถึง เพราะช่วงนั้นพระปลัดบุญถึง ก็ได้รักษาญาติโยมแล้ว ขาดแต่พระห่อผ้ามัดแขน แต่ก่อนขันธ์คาย จะตั้งอยู่ในโบสถ์วัดสุดารังสรรค์ ทำพิธีกันในโบสถ์ พอหลวงปู่สังข์มีพรรษาครบ 5 พรรษา พระปลัดบุญถึงก็ได้ขอลาสิกขา หลวงปู่สังข์ก็ได้เป็นเจ้าอาวาส เป็นพระครูสวดในหลวงปู่ขันธ์ วัดท่าสะแบง หลวงพ่อสายทอง ได้บวชเข้ามา หลวงปู่สังข์ เลยถามว่าจะเรียนธัมห้องนี้ไหม ถ้าเรียนก็เตรียมตัวไว้ ถ้าพ่อใหญ่ครูเพ้ง กลับมาเยี่ยมบ้าน ค่อยไปเรียกมายกธัมในโบสถ์นี้เลย พอพ่อใหญ่ครูเพ้งกลับมาเยี่ยมบ้าน หลวงพ่อสายทอง จึงได้ยกขันธรรมในโบสถ์ ฝากตัวเป็นศิษย์ พร้อมกันทั้ง 4 อาจารย์ คือ 1.พ่อครูเพ้ง 2.พ่อใหญ่ธัมหล้า 3.ปลัดบุญถึง 4.หลวงปู่สังข์
พ่อใหญ่ปลัดบุญถึงก็สึกออกไปเป็นครู ไปสอนนักเรียนแถวอำเภอบ้าน ทางบ้านสีแก้ว แต่ขันธัมไม่ได้ลากลับยกไปบ้านด้วย ก็ยังคงตั้งไว้ที่เดิมในโบสถ์ เมื่อถึงวันสำคัญ พ่อใหญ่ครูปลัดบุญถึงก็จะมาเปลี่ยนขันธัมเอง ส่วนวันพระทุก 15 ค่ำ จะเป็นหน้าที่หลวงพ่อสายทอง เป็นผู้เปลี่ยนขันดอกไม้บูชา ในขันธัม ก็มีครบทุกอย่าง จะมีพระเทียมคาย และ พระสังข์ที่อยู่ในห่อผ้าขาว พระเทียมคายพ่อใหญ่ครูปลัดบุญถึง ถวายพระให้อีกรูปเอาไป ส่วน พระสังข์ในห่อผ้าขาว ถวายพระสายทอง เป็นผู้เก็บรักษา จากนั้นไม่นาน พ่อใหญ่ครูปลัดบุญถึง ไปรอดใต้ถุนบ้าน โดยที่ไม่รู้ว่าบนบ้านมีถาดกล้วยตากไว้ เพราะคนเรียนธัมข้อห้ามข้อหนึ่งคือ ห้ามรอดเครือกล้วย ด้วยความที่ไม่รู้ว่าบนบ้านมีถาดกล้วยตากอยู่ พ่อครูก็เริ่มป่วย รักษาหมอที่ไหนก็ไม่หายหลายปี จึงให้พ่อใหญ่ธัมหล้า แต่งขันรักษาทรงถามดูอาการว่าที่ป่วยนานๆรักษาไม่หาย ป่วยด้วยเหตุใด พอประกอบพิธีกรรมจึงได้ทราบว่า สองปีที่แล้ว พ่อใหญ่ถึงรอดใต้ถุนบ้านแต่บนบ้านมีถาดกล้วยตากอยู่ จึงทำให้ผิดของ เมื่อรู้สาเหตุ พ่อใหญ่หล้า ก็รักษาให้พ่อครูปลัดบุญถึง (ข้อสังเกตจากที่ผมได้ฟังหลวงพ่อสายทองเล่าให้ฟัง คือ ธัมห้องนี้ ใครที่ถือไม่ได้ หรือผิดพระธรรม เมื่ออายุมาก จะตาบอด และ ล้มหมอนนอนเสื่อรักษาไม่หาย อย่างเช่นพ่อครูธัมหล้า ก็ตาบอด)
พระสังข์ จึงตกทอดมา อยู่กับหลวงพ่อสายทอง จนถึงปัจจุบัน ใช้แช่ทำน้ำมนต์ ห่อผ้ามัดแขนเสกธัมใส่ลูกขับประกอบพิธีกรรมรักษาคนที่ทำสืบๆกันมาจนถึงปัจจุบัน ที่ผมเคยโพสต์บอกว่า พระเลือกผู้สร้าง ก็คือว่า มีหลายผู้สร้างเข้ามา ก็ว่าจะสร้าง แต่ก็ไม่ได้สร้าง จนถึงปัจจุบัน จึงได้ผู้ถอดพิมพ์จากองค์จริงไปสร้าง ประสบการณ์ที่ได้ยินคือ เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว วัดดอนเกลือ มีผู้คนเดินทางมาจากหลายพื้นที่ หลายจังหวัดมาให้หลวงพ่อรักษา หลวงพ่อก็รักษาเหมือนที่ผมลงเป็นคลิปให้ชมกัน แต่สมัยก่อนกล้องไม่เยอะเหมือนสมัยนี้ ท่านจึงรับคนเข้ามารักษามาก ช่วงหน้าหนาว หลังจากอาบน้ำให้คนที่มานอนรักษาตัวที่วัดแล้ว ทั้งพระทั้งโยมก็มาก่อกองไฟ พิงไฟให้หายหนาว ขันคายรักษาก็มีเยอะ พระหลวงปู่หลวงตาถ้าขันไหนแห้งก็เก็บทิ้ง แต่ช่วงนั้นมีก่อกองไฟ ก็เลยเก็บพวกใบตองแห้งมาเผาไฟ คนก็นั่งล้อมวงพิงไฟกัน บางคนก็ปูเสื่อนอนข้างกองไฟก็มี ไฟกองนั้นไม่เคยดับ จนครบ 7 วัน พอดีวันนั้นมีผู้ป่วยเข้ามารักษา โยมก็จัดขันคายเรียบร้อย พอจะทำพิธี หลวงพ่อท่านจะตรวจขันคานก่อนทำพิธีทุกครั้ง จับพระเทียมคายมาตั้งในขันคาย สิ่งที่หาไม่เจอคือ พระสังข์ในห่อผ้าขาว หาไม่เจอ ก็เริ่มสงสัยกันเกิดขึ้น ถามใครก็บอกไม่รู้ ไม่เคยเห็น จึงถามหลวงตาเช้ง ที่เก็บคายออกไปเห็นไหม ตอนนั้นตาเช้งอายุมากแล้ว สายตาอาจไม่ดี หลวงตาเช้งก็ไม่รู้ด้วยว่าห่อผ้าอะไร เพราะเป็นผ้าขาวเก่าๆ เลยไปดูที่กองไฟ หาไม้เขี่ยดู จึงไปเจอห่อผ้าเล็กๆแต่ที่สำคัญคือ ผ้าขาวที่ห่อพระนั้นไม่ถูกเผาไม้ ทั้งๆที่เขาก่อกองไฟพิงข้ามวันข้ามคืนมาแบบนั้น จึงนำมาให้หลวงพ่อสายทอง ดูว่าใช้ห่อผ้าที่ห่อพระนี้ใช่ไหม หลวงพ่อก็ตอบว่า ใช้ เปิดห่อผ้าออกมา พระสังข์ก็ยังคงสภาพเดิม หลวงตา และ ญาติโยม ในตอนนั้น จึงพากันขอผ้ามาฉีกแบ่งกันไปบูชา
ให้ข้อมูลโดย หลวงพ่อสายทอง สิริธมฺโม
ผู้เรียบเรียง พระอรรถพล อตฺถพโล