ประวัติ หลวงปู่นาม (พระครูสุวรรณศาสนคุณ) วัดน้อยชมภู่ จ.สุพรรณบุรี
"พระ ครูสุวรรณศาสนคุณ" พระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมแห่งเมืองสุพรรณบุรี มีพลังจิตเข้มขลัง วิทยาคมแก่กล้า ชาวบ้านต่างเรียกขานนามท่านว่า "หลวงปู่ผู้เฒ่า" หรือหลวงปู่นาม หรือพระอุปัชฌาย์นาม
ปัจจุบัน พระครูสุวรรณศาสนคุณ สิริอายุ 94 พรรษา 73 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดน้อยชมพู่ ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
อัต โนประวัติ พระครูสุวรรณศาสนคุณ มีนามเดิมว่า นาม ไม่ทราบนามสกุล เกิดเมื่อปี พ.ศ.2464 เป็นชาวเมืองสุพรรณบุรีโดยกำเนิด สำหรับประวัติชื่อโยมบิดา-มารดา และประวัติในวัยเด็ก ไม่สามารถสืบค้นได้ แม้กระทั่งตัวหลวงปู่เองก็จำเหตุการณ์ในช่วงวัยเด็กไม่ค่อยได้
ท่าน ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่ออายุ 21 ปี ณ พัทธสีมาวัดบ้านกร่าง โดยมีพระเมธีธรรมสาร (ไสว) วัดบ้านกร่าง เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระปลัดทวี (หลานหลวงพ่อมุ้ย) เป็นพระกรรมวาจาจารย์
ภายหลังอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิทยาคมกับพระเมธีธรรมสาร (ไสว) วัดบ้านกร่าง พระอุปัชฌาย์ของท่าน ควบคู่กับการศึกษามูลกัจจายน์ บาลี อักษรขอม ไทยน้อย อักษรลาว ทำให้ท่านมีความรู้ทางด้านอักขระโบราณอีกแขนงหนึ่ง
ใน พรรษาที่ 4 ท่านได้ย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดน้อยชมภู่ (เป็นวัด 2 วัดมารวมกัน วัดเก่ามาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา คือ วัดน้อยกับวัดชมพู่ภู่ รวมกันเรียกว่า วัดน้อยชมภู่) วัดนี้มีพระเกจิชื่อดังมาแต่เดิม ทำน้ำพระพุทธมนต์ให้เจ้านายสมัยก่อน
ท่านได้มาอยู่กับหลวงปู่ขำ เจ้าอาวาสวัดน้อยชมภู่ หลวงปู่ขำ เป็นศิษย์ในสายหลวงพ่อเฒ่า วัดค้างคาว กับหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ต่อมา ท่านได้ไปอยู่กับหลวงปู่เหมือน ผู้เป็นศิษย์หลวงพ่อเนียม แห่งวัดน้อย และหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
หลวง ปู่เหมือน เป็นพระอภิญญา ท่านได้สั่งสอนถ่ายทอดสรรพวิชาให้ท่านมากมาย กล่าวกันว่า หลวงปู่เหมือน สามารถเสกตัวต่อให้เต็มวัด เพื่อไล่ขโมย หรือเสกข้าวให้ออกรวงทั่ววัด เพื่อเลี้ยงพระทั้งวัดก็ได้ เสกใบมะขามเป็นฝูงผึ้งไล่ลิง ที่เข้ามาทำลายข้าวของในวัด
ดังนั้น หลวงปู่นาม จึงได้วิชาในสายหลวงปู่เหมือนมาอย่างเอกอุ พุทธาคมนี้หลวงปู่นามไม่เป็นสองรองใคร แต่ท่านไม่พูด ท่านเงียบเฉยเหมือนหลวงตาเฝ้าวัด แม้แต่หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองสุพรรณอีกรูปหนึ่ง ยังมีความสนิทสนมถูกอัธยาศัยกับหลวงปู่นาม ส่วนหลวงปู่นามยังเคยไปอยู่จำพรรษาที่วัดหลวงพ่อมุ่ย หลายครั้ง
ตอน ที่หลวงพ่อฉาบ วัดคลองจันทร์ ยังมีชีวิตอยู่ คนมาขอพระเครื่อง ท่านยังบอกว่า "ที่สุพรรณ หมดหลวงพ่อมุ่ย ต้องไปหาพระอาจารย์นาม วัดน้อยฯ เขาเก็บไว้หมด"
ในสมัยหนุ่ม หลวงปู่นามไปเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งสรรพวิชาต่อยอดในสายสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านยังเป็นสหธรรมิกกับท่านเจ้าคุณผัน และท่านเจ้าคุณเที่ยง (เจ้าอาวาสวัดระฆังฯ รูปปัจจุบัน) ท่านเจ้าคุณทั้งสองยังเรียกขานหลวงปู่นามว่า "หลวงพี่"
หลวงปู่นาม ปลุกเสกพระเครื่อง เพื่อแจกลูกศิษย์ แต่ไม่ได้จัดพิธีใหญ่โต คนที่ได้รับไป ล้วนมีประสบการณ์ทุกคน หลวงปู่นาม เคยปรารภความหลังในกุฏิว่า "สมัยฉันหนุ่มๆ นะ เสกพระงบน้ำอ้อยไว้ ไม่แน่ใจนะ ก็เอาใส่รถไปให้หลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย ท่านเสกให้ พอเปิดกล่อง ท่านก็บอกว่า ผมเสกไม่เข้าแล้ว ท่านเสกจนจะบินแล้วนี้"
"ฉันก็ยัง ไม่แน่ใจ เอาอีก เอาไปให้หลวงพ่อดี วัดพระรูป ท่านเสก ท่านหยิบเท่านั้นแหละ ท่านกำพระไว้ ยกมือจบยกขึ้นเหนือหัวท่านเลย หาว่าเรามาล้อท่านเล่น ท่านว่า เสกจนหมุนได้แล้วนี่จะให้ผมทำอะไรอีก"
ในด้านถาวรวัตถุ ท่านสร้างอุโบสถไว้หลายหลัง สร้างวิหาร กุฏิสงฆ์ ปรับภูมิทัศน์บริเวณวัดน้อยชมภู่ ให้เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม และแจกทุนการศึกษา ส่งพระภิกษุ-สามเณรมาเรียนกรุงเทพฯ ทุกปี
หลวง ปู่นาม หรือ พระครูสุวรรณศาสนคุณ เป็นยอดพระเกจิที่ชาวเมืองสุพรรณบุรี ให้ความเลื่อมใสศรัทธา ท่านเป็นคนเงียบ ไม่พูด ไม่คุย แต่ชาวเมืองสุพรรณทราบดีว่า พระรูปนี้เป็นยอดพระเกจิที่เข้มขลังขนานแท้ ท่านสืบพุทธคุณสายลุ่มแม่น้ำท่าจีนและสายสุพรรณมาอย่างครบถ้วน
พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลังรูปเหมือน รุ่นแรก ปี 53 หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ สุพรรณบุรี
หลวงปู่นาม ท่านบอกว่า "เราสร้างรูปพระพุทธเจ้า บูชาพระคุณท่านที่มีมากมาย เหลือประมาณ เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า สร้างรูปพระพุทธเจ้า เพื่อบูชาเผยและแพร่บารมีท่าน ประกาศให้ฟุ้งกระจายออกไป สร้างแล้วทำแล้วก็ต้องทำให้ดี คนเขาจะได้ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นพระพุทธเจ้าที่ประเสริฐสูงสุด เขาใช้พระที่ฉันสร้างเขาจะได้พึ่งบารมีพระท่านได้จริงๆ"
เนื่องในโอกาสมงคลวันเสาร์ 5 วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม 2553 หลวงปู่นามได้ปิดโบสถ์ ประกอบพิธีปลุกเสก "พระปรกโพธิ์" เพื่อแจกและเปิดให้ลูกศิษย์ลูกหาร่วมบุญบูชา พระปรกโพธิ์รุ่นนี้ ด้านหลังเป็นรูปเหมือนหลวงปู่นาม สร้างจากผงพุทธคุณทั้ง 5 ตามตำรับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม ที่หลวงปู่นามได้ไปอยู่ศึกษากับหลวงปู่นาค และหลวงปู่หิน วัดระฆังฯ
มวลสารสำคัญประกอบด้วย ผงปัถมัง, ผงอิทธิเจ, ผงตรีนิสิงเห, ผงมหาราช และผงพุทธคุณ เสริมด้วยดอกไม้บูชาพระ, ดินกรุบ้านกร่าง, ดินท้องแม่น้ำ หน้าวัดน้อยชมภู่, กล้วย, อ้อย, ปูนเปลือกหอย, ผงพระสมเด็จวัดระฆังฯ, ผงวัดพลับ ผงพระกรุวัดเงินคลองเตยที่แตกหักจำนวนมาก
"พระปรกโพธิ์เสาร์ 5" เป็นพิมพ์ทรง 5 เหลี่ยม พระพุทธเจ้าประทับบัลลังก์ โคนต้นศรีมหาโพธิ์ที่แผ่ใบปรกคุมดุจรัศมี 10 ใบประกาศบารมี 10 ประการพุทธบารมี ขอบเป็นซุ้มกระจังช่างแกะได้สวยคมเข้ม ฝากผีมือช่างสมัยรัตนโกสินทร์ แฝงกระรอกและนกแสดงถึงปรกร่มเย็นอุดมสมบูรณ์ ด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่นาม เป็นการสร้างพระปรกโพธิ์รุ่นแรกที่ห้วงนี้ลูกศิษย์ถามหามากที่สุด จัดสร้างฝังตะกรุดและผ้าจีวรจำนวน 3,000 องค์