มกรนาคา ครูบารอด ปุริตฺวตฺโต วัดบุญยืน จ.พะเยา อายุ 90 ปี
รุ่น1 อนันตทรัพย์ ปี 2562
เนื้อสำริดกระไหล่ไมโครรุ้ง ขนาด 2.9 Cm.
🚩“มกรนาคา”อ่านว่า (มะ-กอน-นา-คา)
...เป็นสัตว์หิมพานต์ ที่เห็นได้ตามบันไดขึ้นพระอุโบสถ ทางภาคเหนือ และ ภาคอีสาน เซึ่งเป็นการผสมผสานกัน ระหว่าง มกร (มอม)กับ พญานาค ตามตำราครูบาอาจารย์ได้เล่าให้ฟังว่า กาลครั้งหนึ่ง ในแม่น้ำที่ไหลจากประเทศจีน ลัดเลาะลงมาทางภาคเหนือ ผ่านภาคอีสาน ลงสู่ทะเล ที่เรียกกันจนติดปากว่าแม่น้ำโขง ได้กล่าวกันว่า แม่น้ำโขงนี้เป็นที่ตั้งของเมืองบาดาล และสัตว์น้ำอีกหลายชนิดที่เราๆท่านเคยเห็นมาแล้ว หรือบางสิ่งที่ไม่เคยเห็น เป็นแค่ตำนาน ที่เราทุกคนเรียกกันว่าสิ่งลี้ลับ สิ่งเหล่านี้มันพิสูจน์ไม่ได้ ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีจริง จะมีสักกี่คน ที่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้
...นอกจากพระอริยะสงฆ์ หรือ อริยะบุคล ที่มุ่งมั่นบำเพ็ญเพียร จนได้ ฌาณ ตบะ บารมี สามารถมองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ โดยแต่ละท่านได้เล่าต่อๆกันมาซึ่งค่อนข้างจะตรงกันว่า ในแม่น้ำโขงนั้น มิใช่ว่าจะมีเมืองบาดาล หรือพญานาค อย่างเดียวที่เป็นเจ้าแห่งท้องน้ำสายนี้ ที่จริงแล้ว เขตติดต่อระหว่างภาคเหนือ และภาคอีสาน ยังมีเถื่อนถ้ำใหญ่ คูหามากมาย ที่เป็นที่อยู่ของสัตว์หิมพานต์อีกอย่างหนึ่งก็คือ มกร หรือที่เรียกติดปากว่า มอม อาศัยอยู่ เพื่อรักษาสมบัติของพระอินทร์ และเป็นพาหะของเทพปัชชุนนะ(พระพิรุณ) ลำตัวจะเหมือนพญานาค แต่มีขา ชอบดำผุดดำว่าย เล่นน้ำในแม่น้ำโขง เมื่อมีผู้คนเห็นดำผุด ดำว่าย อยู่กลางลำน้ำโขง ก็นึกว่า พญานาค จึงเป็นตำนานของเรื่อง มกรนาคา
...ซึ่งมีเรื่องเล่าอยู่ว่า เมื่อมีผู้คน ได้เห็นลำตัวที่มีเกล็ดกระทบกับแสง มีสีสัน ที่ดำผุดดำว่ายอยู่กลางลำน้ำโขง ทุกคนก็ว่าเป็นพญานาค แล้วก็ทำพิธีบวงสรวงพญานาค เมื่อมอมเห็นดังนั้นจึงมีทิฐฐิ ในใจว่า ทำไมผู้คนจึงนับถือแต่ พญานาค ทั้งๆที่ตนก็มีฤทธิ์ ไม่แพ้ จึงได้ประกาศท้า พญานาค ให้ขึ้นมาลองฤทธิ์กัน เมื่อพญานาคได้รับคำท้าก็ออกจากเมืองบาดาล แล้วมาลองฤทธิ์กับ มกร(มอม) โดยท้ากันว่า ถ้าพญานาค กิน มกร เข้าไปแล้ว แล้ว มกร หมดฤทธิ์ มกร จะยอมแพ้ พญานาคก็บอกกับ มกร ว่า เช่นนั้น ถ้า มกร กิน พญานาคเข้าไปแล้วแล้วตัวของ พญานาค หมดฤทธิ์ พญานาคก็จะยอมแพ้ แล้วจะออกจากแม่น้ำโขง และจะให้ มกร เป็นผู้ดูแลสายน้ำนี้แทน
...เมื่อทั้งสองตกลงกันเสร็จสรรพ มกร ก็โดดเข้าปากพญานาค พญานาคก็กลืนลงท้อง ตอนที่เข้าไปทีแรก มกร ก็ดิ้นในท้องสักพักก็นิ่ง พญานาคนึกว่า มกรสิ้นฤทธิ์แล้ว จึงดีใจแวกว่ายน้ำอย่างสำราญ แต่จู่ๆที่ตัวพญานาคกลับมีขาโผล่มาสี่ด้าน พญานาคตกใจ จึงชูคออ้าปากร้อง ขณะที่อ้าปากนั้น มกร ก็ได้ทะยานตัวออกจากปากพญานาค เป็นอันว่าพิษในตัวพญานาค ไม่สามารถทำอะไร มกร ได้ เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น พญานาค จึงพุ่งตัวเข้าปาก มกร พอเข้าปาก มกร แล้ว มกร ก็รีบกลืนแล้วหุบปากให้สนิท โดยคิดว่าพิษที่อยู่ในตัวเองนั้น จะละลาย พญานาค ให้เป็นน้ำได้ พอผ่านไปสามวัน มกร ก็ไม่ยอมเปิดปาก เพื่อที่จะให้ตัวเองแน่ใจก่อนว่า พญานาค ได้ละลายเป็นน้ำแล้ว เมื่อพญานาค รู้ถึงความคิดของ มกร พญานาคก็เลย พ่นน้ำออกมาทีละนิด โดยที่ มกร ไม่รู้เลยว่า พญานาคนั้นสามารถ พ่นน้ำได้ พญานาคจึง เนรมิตน้ำที่พ่นออกมาให้เป็นเมือกสีเขียว ดั่งเช่นเลือดของ พญานาค ค่อยๆซึมไหลออกจากปาก มกร เมื่อมีเมือกค่อยๆซึมไหลออกมาจากปาก มกร เป็นทาง และก็มากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ มกร ดีใจว่า พญานาค ได้เสร็จตนเป็นแน่แท้ จึงหลุดอ้าปากหัวเราะ พอ มกร อ้าปากหัวเราะ พญานาคก็เลื้อยออกจากปาก มกร เมื่อทั้ง 2 ลองแล้วไม่มีใครแพ้ใครชนะ จึงยุติ
...เมื่อความดังกล่าวทราบถึง องค์อินทร์ จึงมีคำสั่งให้ทั้ง 2 ช่วยกันรักษา และ ปกครองสายน้ำโขง ร่วมกัน ความสามารถของ มกร คือ มีอำนาจ มีเสียงคำรามดั่งราชสีห์ ไปไหนมาไหนได้รวดเร็ว สามารถดลให้ฝนตกได้ตามที่ใจต้องการ แปลงร่างได้เป็นพัน เป็นหมื่นสามารถอยู่บนบกได้นาน ส่วน พญานาค นั้นก็เป็นที่รู้กันว่า มีฤทธิ์สามารถแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ ล่องหนหายตัว มีทรัพย์สมบัติมากมาย สามารถประทานทรัพย์สินให้กับผู้คนได้
...ฉะนั้นตามหัวบันไดวัดทางภาคเหนือ และภาคอีสาน จึงได้มีรูปปั้น ทางขึ้นบันไดเป็นรูป พญานาค ออกจากปาก มกร ซึ่งบางคนที่เห็นก็จะกล่าวว่า มกร เก่งกว่า พญานาค และกินพญานาค จริงๆแล้วไม่ใช่ แต่เป็นการปั้นจากเหตุการณ์ที่เล่าให้ฟัง มีนัยยะว่า ผู้ใดที่มีฤทธิ์ มีความสามารถแล้ว ต่างคนต่างมีดี ก็มิควรเอาไปสิ่งทีมีอยู่นั้นไปห้ำหั่นกัน ควรใช้สิ่งเหล่านั้นเพื่อปกป้องตนเอง และผู้ที่ด้อยกว่า ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และอีกอย่างก็เพื่อเป็นสัญลักษ์ว่า เจ้าแห่งสายน้ำ ที่มีเมตตา อำนาจ ทั้งสองเมื่อมาอยู่ด้วยกัน ก็จะทำให้ศาสนา มีผู้ปกป้อง มีความมั่นคง และมิได้ขาดจากศรัทธาจาก ทั้ง เทพ-เทวา มนุษย์ ตลอดจนถึงสรรพสิ่งที่มีตัวตนและไม่มีตัวตน
...ดังนั้น ครูบารอด ท่านจึงได้เขียนแผ่นยันต์ ฝนแสนห่า แผ่นยันต์ จาตุโร บังเกิดทรัพย์ แผ่นยันต์ตรีนิสิงเห แผ่นยันต์ยูงทอง มาหล่อหลอมเป็นองค์”มกรนาคา” แล้วครูบารอดท่าน ยังเขียนลบผง อิทธิเจ ผงปาระมีสามสิบทัศน์ ผงครูผู้เฒ่าดงมนต์ล้านนา มาอุดที่องค์ “มกรนาคา”เพื่อให้เกิดเหตุเกิดผลกับผู้ที่ได้ร่วมบุญมีไว้ติดตัวบูชา เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง
...ฤทธิคุณของ มกรนาคา ให้คุณด้านการคุ้มครอง แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตราย เป็นเสน่ห์เมตตา มหานิยม มหาโภคทรัพย์ มากด้วยทรัพย์สิน ประกอบกิจการค้าขายร่ำรวย บูชาไว้ที่บ้านที่เรือนครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข อธิฐานขอในสิ่งที่ต้องการและไม่ผิดศีลธรรมสำเร็จดีนักแลฯ
... คาถาภาวนากำกับ มกรนาคา ครูบารอด
“เมตตา ลาโภ ชะโยนิจจัง เมตตาลาภัง ภะวัณตุเม สัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย สัพพะเคราะห์ใดๆ วิวัณชัยเย รักขันตุ สุรักขันตุ”