พระยาพิเภกกลับดวงพลิกดวง หลวงพ่ออำนวย วัดธรรมิการาม (วัดค้างคา)
พระครูวิจิตรสุธาการ หรือ "หลวงพ่ออำนวย" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดธรรมิการาม (วัดค้างคาว) อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ผู้มีสมญานามโหร 6 นายก, โหรเหรียญทองโอลิมปิก, โหรนายพล, โหรกลับดวง, โหรเปลี่ยนชีวิต, โหรเจ้าสัว โหรนายแบงก์ เพราะนายธนาคารใหญ่ๆ เป็นลูกศิษย์ท่านจำนวนมาก สมญานามเหล่านี้มิใช่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ได้มาด้วยความแม่นยำ ลูกศิษย์ลูกหามักกล่าวกันว่า ท่านทำนายทายทักดุจตาเห็น ทางในใสกระจ่าง ปากพระร่วง สมกับสมญานามโหร 6 นายก แม้เป็นพระครูบ้านนอกก็เป็นโหรประจำตัวนักการเมืองระดับแนวหน้าหลายท่าน
ประวัติหลวงพ่ออำนวย สิริจันโท วัดค้างคาว จ.ลพบุรี ชาติภูมิเป็นคนบ้านหมี่โดยกำเนิด เป็นลูกชาวนา ณ หมู่บ้านในตำบลบางขาม เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2485 จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร หลังจากนั้นได้ประกอบอาชีพครูที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัย ย่านประตูน้ำ สอนได้ 6-7 ปี โรงเรียนถูกยุบ เนื่องจากเหตุนักเรียนยกพวกตีกัน ชีวิตท่านจึงผกผันไม่รู้ทิศทาง จำต้องย้อนคืนกลับมาอยู่ที่บ้านบางขามถิ่นมาตุภูมิ เมื่อปี พ.ศ.2517 ณ ห้วงรอยต่อที่ว่างงานอยู่นั้นโยมแม่ได้อ้อนวอนขอให้บวชแก้บนเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ แล้วค่อยกลับมาทำงานใหม่ แต่ด้วยชะตาลิขิตฟ้าสั่งหรือมนตราแห่งพุทธานุภาพให้มารับใช้พระศาสนาก็ว่าได้ หลังจากที่ท่านบวชแล้วยังมิทันสึกโยมแม่ของท่านได้สิ้นใจโดยมิได้สั่งลา ท่านจึงต้องถือบวชแต่นั้นมาเพื่อทดแทนพระคุณ
เริ่มแรกที่บวชก็ด้วยแม่สั่งมา แต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ชอบศาสนา ไม่สนใจธรรมะ ไม่สนใจเรื่องโหราศาสตร์ เพราะจบด้านวิทยาศาสตร์ ณ วันหนึ่งได้ศึกษาข้อธรรมและพุทธประวัติโดยมิรู้ตัว จึงได้ล่วงรู้คำสอนของพระพุทธศาสนาว่าสอดคล้องต้องกับวิทยาศาสตร์ จึงติดหลักศึกษาพระธรรมไม่หยุดหย่อน คล้อยหลังเมื่อได้ศึกษาพุทธประวัติตอนประสูติมีการพยากรณ์ จึงฉุกคิดว่าตำราโหรา ศาสตร์มีมาแต่โบราณจักสอดคล้องกับดารา ศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จึงทุ่มเวลาดูตำราโหราศาสตร์มากมาย ทั้งของไทย จีน ยุโรปถึง 7-8 แขนง ใช้เวลาศึกษาอยู่ 7-8 ปี ต่อมา เมื่อชะตากำหนดได้มีผู้มาขอร้องช่วยดูดวง ดูฤกษ์ผานาที เดิมทีท่านไม่ได้มีความมั่นใจในวิชาโหราศาสตร์นัก แต่ทนถูกอ้อนวอนไม่ไหวจึงตั้งใจดู เมื่อคนหนึ่งว่าแม่น คนที่สองที่สามก็ตามมา จนโด่งดังไปทั่วประเทศ
เคล็ดลับการดูของหลวงพ่ออำนวยมิได้เพียงแต่ใช้วิชาโหรทำนายเพียงอย่างเดียว แต่ท่านมักจะสอนและสอดแทรกธรรมะอยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังเป็นพระพัฒนา นักการศึกษา นักปกครอง นักเผยแผ่ และนักสังคมสงเคราะห์ไปพร้อมๆ กัน
ด้วย "หลวงพ่ออำนวย" เป็นผู้ทำนายทายทักแม่นยำ ท่านจึงสร้างวัตถุมงคลขึ้นเพื่อ "พลิกดวง" มอบให้ลูกศิษย์ลูกหาไปแก้ไขชะตาชีวิต ในรูปลักษณ์ "พระยาพิเภกกลับดวงพลิกดวง" ท่านสร้างขึ้น เพราะวิตกว่าบ้านเมืองเรานี้จะเกิดความเดือดร้อนวุ่นวายไม่หยุดหย่อน ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา จะยิ่งเงียบเหงา พ่อค้าแม่ขายค้าขายไม่ได้ เมื่อวิตกเช่นนั้น หลวงพ่ออำนวยจึงได้ทำสมาธิอัญเชิญครูบาอาจารย์ที่เคารพบูชา
คืนหนึ่งจึงได้นิมิตไปว่า พระยาพิเภกโหราใหญ่ บอกว่า "พระครูอย่าร้อนใจไป ภัยของคนไทยแก้ได้อยู่ พระครูจงทำรูปฉันขึ้น ตามสีประจำวัน แล้วจงเสกตามมนต์ที่ฉันสอนไว้ ใครเขาศรัทธานำไปบูชา ย่อมเป็นผู้มีบุญพอจะหลุดพ้นวิบากกรรมได้ ฉันก็จะกลับดวง พลิกดวงให้เขาผู้นั้นเอง เขาปรารถนาสิ่งใด ยศ ลาภ ทรัพย์สินเงินทอง หน้าที่การงาน ให้ขอที่ฉันนี่" เมื่อ "หลวงพ่ออำนวย" ตื่น และคิดถึงนิมิตจึงรู้ว่าที่ฝันเช่นนี้คงจะเป็นบรมครูพระยาพิเภกโหราจารย์ คิดสงสารคนไทย จึงหาทางแก้ไขให้ จึงได้จัดพิธีบวงสรวงสร้างองค์พระยาพิเภกขึ้นจากผงมงคล และมวลสารสำคัญจากทั่วประเทศ เช่น ผงนะระงับดับทุกข์, ผงเสริมดวง กลับดวง พลิกดวง ชูดวง, ผงสุริยัน-จันทรา, ผงพระหลักเมืองทุกจังหวัด, ไคลเสมาวัดหลวงประจำจังหวัด, ตะไบตะกรุดมหาจักรพรรดิ มาสร้างเป็นพระยาพิเภกเป็นสีประจำวันทั้ง 7 วัน ตามตำนานกล่าวว่า พระยาพิเภกกำเนิดเดิมคือแว่นแก้วคู่มือของพระนารายณ์เทพเจ้า ที่ทรงใช้ส่องมองเหตุการณ์ทั้ง 3 โลก เพื่อระงับดับทุกข์เข็ญ เมื่อพระนารายณ์อวตารมาเป็นพระราม ลงมาปราบยักษ์ทศกัณฐ์ จึงทรงให้แว่นแก้วลงมาเกิดเป็นพระยาพิเภก น้องต่างมารดาทศกัณฐ์ พระยาพิเภกนั้น แม้จะเป็นยักษ์ ก็เป็นยักษ์ฝ่ายธรรมะ และรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งในอดีตและอนาคตอย่างชัดเจน
ตลอดจนบอกทาง แก้แก่พระรามจนได้ชัยชนะนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าจะเปรียบแล้วก็มีความสำคัญไม่แพ้หนุมาน ทหารเอกฝ่ายบู๊ของพระรามเลย เพียงแต่พระยาพิเภกเป็นทหารเอกฝ่ายบุ๋น เป็นพวกยอดเสนาธิการ คอยวางแผนการรบ จึงรบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง และชนะตั้งแต่ยังไม่ออกรบ " พระยาพิเภกกลับดวงพลิกดวง"