เหรียญหล่อ ร.ศ.237 หลวงปู่ญาท่านเขียน ที่พักสงฆ์ป่าช้าบ้านโพนสิม จ.อุบลราชธานี เนื้อมหาชนวน
...ญาท่านเขียน พระอภิญญา แห่งป่าช้า หนองขี้นกจำวัดในกลด ปลูกโรงสอนธรรม ในป่าช้า มีสมณศักดิ์เป็นถึงพระครู ราชทินนามว่า “พระครูสถิตปุญญานุวัฒน์” เป็นเจ้าอาวาสวัดดอนส้มป่อย ทิ้งตำแหน่งเป็นหลวงตา ปลูกเพิงพักในป่าช้า
...ย้อนหลังเมื่ออดีต ญาครู ไม่ธรรมดา เพราะท่านเป็นองค์เดียวที่สืบทอดวิชาสาย สมเด็จลุน นครจำปาสัก กับ ญาครูท่านกรรมฐาน เผย (พระครูธรรมบาล) ตั้งแต่ก่อนบวช สมัยเป็นวัยรุ่นเนื้อหอม นักเลงเก่า บางขุนพรหม หันหลังเดินออกวงการ เสือ มุ่งหาธรรมอย่างอุกฤต โชกโชน ทำจริง เรียนจัง เดินข้ามความตายมานักต่อนัก แต่ได้ครูดี เป็นฆราวาสจอมขมังเวทย์ คือ ครูทองลือ และ ครูปลั่ง สายพราหมณ์เก่ารัชการที่ ๕ เป็นอาจารย์ของท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงเก่งและแก่งกล้าในวิชาอาคม ท่านอาจารย์ฆราวาสทั้งสอง ได้ฝากยันต์ วิชา ไว้ที่ตัว ญาครูฯ จักรักษาสืบทอดไว้จนกว่าจะตาย ไม่มีวันเสื่อม เมื่อลงทำวิชาอาคมใด เหมือนประจุพุทธมนต์ สืบสาย จอมอาจารย์ทั้ง สอง (นี้โบราณเขาลงกันอย่างนี้ ตายแล้วยังมีคนแทน ) เป็นนักเลงใหญ่ไม่กลัวใคร จนตำรวจขอร้อง
...จากนั้นท่านทิ้งสมณศักดิ์ตำแหน่งต่างๆ แล้วลาออกมาเป็นหลวงตาธรรมดา ปลูกเพิงพักในป่าช้า ตอนที่หลวงปู่เขียนเดินธุดงค์ มีคนเห็นเป็นร้อยว่า ญาท่านเดินข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งลาว ด้วยเท้าเปล่าได้ เมื่อถามหลวงปู่ท่านตอบว่า "พระน้าบ่ใช่เป็ดบ่ใช้ห่านจะได้ลอยน้ำ" ชาวบ้านให้สมญาท่านว่า "ญาท่านเขียน เหยียบลำน้ำโขง"
...หลวงปู่เขียน เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน โดยส่วนใหญ่มีความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณอย่างมาก จุดไหนที่เป็นที่ดินผี ที่ป่าโปร่ง ที่นาอาถรรพ์ ต้องมากราบอาราธนานิมนต์ให้ท่านไปเหยียบนาฝังลอยเท้าท่านไว้ ว่ากันว่าผีอาถรรพ์วิญญาณร้ายหายสิ้น ข้าวกล้าเติบโตงอกงามผลผลิตมากกว่าเขา ขนาดโดนพายุฝนถล่มนาอื่นเสียหายพังหมด ผืนนาที่ท่านเหยียบรอดปลอดภัยได้ผลแปลงเดียวในตำบล