หนุมานชนะศึกพระยาจักรกฤษพิพรรธพงศา
พ่อท่านแผ้ว สำนักสงฆ์ใสหลวง สุดยอดหนุมานแห่งสำนักเขาอ้อ
สำนักเขาอ้อนั้นมีชื่อเสียงได้รับการยกย่องในเรื่องไสยเวทอันเรื่องชื่อจากแดนใต้ จุดบ่อเกิดแห่งปรมจารย์ผู้ทรงวิทยาคมหลายท่าน อาทิเช่น พ่อท่านปาล อาจารย์นำ ท่านขุนพันธ์ และอีกมากมาย
ประวัติหลวงพ่อแผ้ว สำนักปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง จ.พัทลุง
พ่อท่านแผ้ว ผลฺปัญโญ แห่งสำนักปฏิบัติธรรมใสหลวง ตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง มีนานเดิมว่า “แผ้ว ขำตรี” เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๖ ณ บ้านห้วยรากไม้ (บ้านดอนมูล) หมู่ที่ ๑๐ ตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง บิดา-มารดา ชื่อ “นายหนู-นางพูน ขำตรี” สิริอายุปัจจุบัน ๘๒ ปี ๑๖ พรรษา อาจกล่าวได้ว่าพ่อท่านแผ้ว เป็นชาวพัทลุงแท้ๆ ที่ได้รับการปลูกฝังค่านิยมในความเป็นเขาอ้อ การฝังรากไปในแนวความคิดแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผิด ในทางกลับกันการหยั่งรากลึกลงไปในศาสตร์ลึกลับแบบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกับ เป็นส่วนเพิ่มและเติมเต็มความขลังได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ และแน่นอนว่าขลังหรือไม่ขลัง คงจะไม่ได้อยู่ที่จิตอย่างเดียว มันต้องบวกทัศนคติและมีพื้นฐานที่ดีเข้าไปด้วย
พ่อท่านแผ้ว มีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆ ของ “พระอาจารย์นำ ชินวโร(แก้วจันทร์) แห่งวัดดอนศาลา” ท่านเคยเล่าว่าในสมัยที่ท่านยังเป็นเด็ก ด้วยใจรักในไสยศาสตร์ทำให้ท่านเฝ้าติดตามอาจารย์นำ (สมัยเป็นฆราวาส) ไปเป็นลูกมือประกอบพิธีกรรมตามที่ต่างๆ ท่านว่าการเป็นลูกมือนี่แหละสำคัญนัก เพราะนอกจากจะเป็นการฝึกฝนไปในตัวแล้ว ค่าของความเป็นลูกมือคือการได้รับความไว้วางใจจากอาจารย์ผู้สอน ซึ่งท่านบอกว่าแม้แต่พระอาจารย์นำได้มาอุปสมบทแล้ว ท่านก็ยังถือเป็นโอกาสเข้ามาช่วยงานในด้านพิธีกรรมต่างๆ ของวัดดอนศาลาอยู่เป็นประจำ
พ่อท่านแผ้ว อุปสมบทครั้งแรกตามธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ (พ.ศ. ๒๔๘๖) ณ วัดควนปันตาราม โดยมีท่านพระครูรัตนาภิรม (ตาหลวงเน) เป็นพระอุปัชฌาย์ จริงอยู่ถึงชื่อของ “ตาหลวงเน” อาจจะไม่โด่งดังหรือแพร่หลายออกมาสู่โลกภาคนอกมากมายเท่าใดนัก แต่สำหรับพัทลุงแล้ว ตาหลวงเน นับเป็นพระมหาเถราจารย์ที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะในเรื่องของไสยเวทย์แล้วว่ากันว่าพระอาจารย์ดิษฐ์ วัดปากสระ เจ้าของพระสังกัจจายน์ขนาดห้อยคออันกับหนึ่งของพัทลุง ยังให้คำรับรอง ความขลังขมังเวทย์ของตาหลวงเน ได้ถูกถ่ายทอดให้ทายาททางอาคมหลายต่อหลายองค์ เท่าที่มีชีวิตและมีชื่อเสียงในทุกวันนี้ก็ เช่น พ่อท่านช่วง วัดควนปันตาราม พ่อท่านสุมิตร วัดทุ่งเตง และพ่อท่านแผ้ว ผลฺปัญโญ สำนักปฏิบัติธรรมใสหลวง
นอกจากการได้เป็นศิษย์ของ ๒ เสาหลักแห่งสำนักเขาอ้อแล้ว พ่อท่านแผ้ว ยังได้ชื่อว่าเป็นอีกผู้หนึ่งที่มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดวิชาโดยตรงจาก “พระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม แห่งวัดเขาอ้อ” ท่านเคยเล่าว่าเดิมทีเคยดิดว่าตนเองเป็นผู้ที่มีวิชาดี มีอาจารย์ดี แต่เพราะได้รับการกำราบจากพระอาจารย์ปาล นี่แหละ ทำให้ท่านพบความสว่างและสัจธรรมของความจริงที่ว่า
“ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง”
ท่านว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวท่านเอง ซึ่งเป็นช่วงที่ท่านลาสึกขาออกมามีครอบครัว ท่านเล่าว่าในช่วงนั้นเป็นยุคคอมมิวนิสต์ครองเมือง จังหวัดพัทลุงถือเป็นพื้นที่สีแดง ตัวท่านเองรับใช้บ้านเมืองโดยการเป็นอาสาสมัคร ประจำการ ณ เขาปู่ มีอยู่วันหนึ่งขณะกำลังพักผ่อน ได้ถูก ผกค.เข้าล้อมและโจมตี ท่านว่าเสียงกระสุนปืนที่ดังแหวกอากาศผ่านเส้นผม ทำให้อาสาสมัครทุกคนไม่สามารถโงหัวขึ้นมาต่อกรได้ และจะด้วยเหตุผลประการใดก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่แน่ ๆ อาสาสมัครของทุกต่างมีตะกรุดของพระอาจารย์ปาลคาดเอวกันทั้งนั้น
ท่านเล่าว่าในยามวิกฤตินั้น เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งที่คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นกับความตาย ท่านได้บอกให้ทุกคนตั้งใจให้มั่น เอาครูบาอาจารย์และของขลังที่ทุกคนมีติดตัว เป็นแรงใจ ลุกขึ้นยิงต่อสู้จนในที่สุดสามารถแหกวงล้อมและรอดพ้นอันตรายได้อย่างน่า อัศจรรย์ใจ ด้วยเหตุนี้เองในยามว่างจากการงานหรือการปฏิบัติภารกิจต่าง ท่านจึงถือเป็นโอกาสเข้าไปรับใช้ ไปอุปฐาก และไปเก็บเกี่ยววิชาความรู้ต่างๆ จากพระอาจารย์ปาล จนกระทั่งพระอาจารย์ปาลมรณภาพลง ความชัดเจนในสายวิชาและครูบาอาจารย์นี้เอง ทำให้พ่อท่านแผ้วได้รับสมญานามว่า “เพชรน้ำงามสามเขาอ้อ”
นอกจากสายวิชาของเขาอ้อแล้ว ส่วนหนึ่งที่ชาวบ้านยอมรับในวิชาของพ่อท่านแผ้ว คือวิชาอาคมในสายหนังตะลุง เช่น เมตตา มหาเสน่ห์ กันของ แก้ของ ฯลฯ ทั้งนี้เนื่องจากในอดีตพ่อท่านแผ้ว คือนายหนังตะลุงที่มีชื่อเสียงของพื้นที่ ว่ากันว่ายามใดก็ตามที่หนังของครูแผ่วเล่นละก็ รับประกันได้ว่าสะกดจิต สะกดใจ ผู้ชมจนไม่สามารถลุกขึ้นไปที่อื่นได้จนกว่าการแสดงจะเลิก ซึ่งพ่อท่านแผ่วบอกว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของการใช้คาถาอาคมประกอบแรง ครู แรงครูของสายหนังตะลุงถือได้ว่าแรงและลึกไม่น้อยไปกว่าศาสตร์แห่งแรงครูใน แขนงอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่น่าแปลกใจที่ ตะกรุด,มีดหมอ ที่ท่านเคยสร้างขึ้นมาจึงได้ขลังพลังลึกและมากไปด้วยประสบการณ์
หลังจากที่ครอบครัวมีความมั่นคงแล้ว พ่อท่านแผ้ว ได้ตัดสินใจหันหลังให้กับทางโลก อุปสมบทครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ ณ วัดบ้านสวน ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง โดยมีพระครูวิโรจน์ศาสนกิจ (พ่อท่านช่วง) เป็นพระอุปัชฌาย์ ปัจจุบันในวัย ๘๒ ปี ๑๖ พรรษา พ่อท่านแผ้วยังมีสุขภาพแข็งแรง ความจำดี และเป็นที่พึงพาของชาวบ้าน หากมีเวลาเรียนเชิญกราบนมัสการท่านได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
หนุมาน เป็นลูกของพระพายกับนางสวาหะ จึงเป็นผู้ที่ไม่มีใครฆ่าตายเมื่อถูกฆ่า แต่พอถูกลมเมื่อใดก็จะฟื้น ขึ้นมาอีกและแถมยังมีเขี้ยวเป็นเพชร ขนเป็นเพชรอีกด้วยแต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หนุมานไปหยุดรถของสุริยเทพเลยถูกพลังความร้อนเผาเอาจนตัวดำไปเลยทีเดียว
หนุมานนั้นมีหน้าที่ในการปราบปรามยักษ์จึงถูกหนุมานฆ่าตายไปหลายคน ส่วนนางเบญจกายหลานทศกัณกัณฑ์ก็ยังตกเป็นเมียของหนุมาน และแถมยังได้นางมัจฉามาเป็นเมียอีกด้วย ดังนั้นหนุมานจึงเก่งทั้งทางด้านการรบและความรักด้วย
ด้วยเหตุฉะนี้ โบราณจารย์ทางพุทธาคมท่านเป็นผู้ชาญฉลาด ซึ่งแม้จะมิใช่สิ่งที่สืบเนื่องมาจากพระพุทธศาสนา แต่ท่านเหล่านั้นได้พิจารณาเห็นว่าสิ่งนั้น ๆ เป็นของดี ของศักดิ์สิทธิ์ ท่านจึงประยุกต์เอามาใช้เป็นเครื่องรางของขลังทั้งนี้ก็เพื่ออานิสงฆ์ทางความเก่งกล้าสามารถและอยู่ยงคงกระพันชาตรีนั่นเอง
เหรียญหนุมานชนะศึก พ่อท่านแผ้วปลุกเสกให้เต็มที่เต็มกำลังตามแบบฉบับสูตรสำนักเขาอ้อที่ได้สืบต่อกันมา
เหรียญหนุมานรุ่นแรก รุ่นชนะศึก หลวงปู่แผ้ว พลปญฺโญ สำนักปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง
มีพระเกจิร่วมปลุกเสกอาทิเช่น
-หลวงปู่แผ้ว สำนักสงฆ์บ้านใสหลวง จ.พัทลุง
-พระเทพวินยาภรณ์ เจ้าคณะ จ.นครศรีธรรมราช เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุวรวิหาร
-พ่อท่านใช้ วัดปากพล จ.พัทลุง
-หลวงพ่อพรหม วัดบ้านสวน จ.พัทลุง
-หลวงพ่อขับ วัดบางขวนเหนือ จ.พัทลุง
-พระอาจารย์สมนึก วัดหรงบน จ.นครศรีธรรมราช
-พระอาจารย์สมเจต วัดด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี
ปลุกเสก ณ วิหารสง วัดบรมธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช