ตะกรุดวิรุฬจำบัง หลวงพ่อจิตร กิติปาโล วัดเทพนวนทิพย์ จ.สระแก้ว
-เกจิที่เปี่ยมไปด้วยมนตราและวิทยาคม ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่เป็นสามเณรเดินธุดงค์ฝึกจิต เรียนพระเวทย์กับเกจิดังมามากมาย ที่ไหนมีวิชาดีอาคมขลังท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาเล่าเรียนจนสำเร็จ ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุได้พรรษาที่ 9 หลวงพ่อท่านตั้งสัตย์อธิษฐานจิต สำรวมกาย วาจา ใจ 1 ปีจะสรงน้ำครั้งเดียว ที่น่าแปลกคือสังขารร่างกายหลวงพ่อไม่มีกลิ่นอันพึงไม่ประสงค์เลย ทุกๆ คืนท่านจะทำสมาธิปฏิบัติธรรมกรรมฐานในโลงศพเก่าๆซึ่งอยู่ในกุฏิท่าน ท่านจำวัดในโลงศพจนรุ่งเช้า ทำเช่นนี้จนเป็นกิจวัตร เมื่อปี 45 หลวงพ่อได้อาพาธและมรณภาพลงหัวใจหยุดเต้นชีพจรหยุดเดิน แพทย์ลงความเห็นว่ามรณภาพแต่จู่ๆ ท่านก็ฟื้นขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์พร้อมกับนำเรื่องราวต่างๆ ที่ท่านสัมผัสมานำมาสั่งสอนญาติโยมในเรื่องบาปบุญคุณโทษ นรกสวรรค์มีจริง ล่าสุดหลวงพ่อ ได้จัดสร้างวัตถุมงคลตามแบบฉบับของหลวงพ่อใช้เวลานับแรมปี มวลสารบางอย่างมิใช้หาได้ง่ายๆ
ภายในเวลา 1 ปี หลวงพ่อสร้างวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังไม่เกิน 1 รุ่น 1 ชุด หลวงพ่อเน้นพุทธคุณเป็นอย่างมาก จึงมั่นใจเลยว่าวัตถุมงคลทุกรุ่นที่ออกจากมือหลวงพ่อได้ผ่านการปลุกเสกปะจุพุทธาคมแบบเต็มสูตรเต็มกำลัง เป็นของดี ของจริง ให้เราได้บูชากัน ให้บังเกิดอิทธิปาฏิหาริย์ ประสบการณ์จริง เห็นผลจริง
เครื่องรางของขลังมีมานานคู่ชาติไทย บรรพบุรุษเรา ได้ยึดเอาคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นที่พึ่งไว้ภายใน แล้วเอาคุณเครื่องรางไว้ภายนอก เครื่องรางของขลัง มีทั้งที่เกิดจากวัตถุอาถรรพ์ที่เป็นธรรมชาติ และมนุษย์ได้ประดิษฐ์ขึ้น อย่างหลังนี้จะต้องผ่านการอธิษฐานจิตให้สำเร็จ ให้เกิดฤทธิ์ โดยพระเกจิอาจารย์ ที่ทรงคุณหรืออาจารย์ฆราวาสที่เปี่ยมด้วยวิชาเครื่องรางของขลังจึงจะมีผลสามารถคุ้มครองป้องกันอันตรายได้
เครื่องรางของขลังที่กล่าวถึง เป็นเครื่องรางติดตัวเฉพาะ พระมหากษัตริย์ แม่ทัพ นายกอง นำไปใช้ในยามเกิดศึกสงคราม คือ “ตะกรุดวิรุฬจำบัง” ยันต์วิรุฬจำบัง เป็นยันต์ที่สร้างตามตำราในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยันต์นี้ได้เขียนไว้จัดว่ามีฤทธานุภาพมาก ๑๐๘ ประการ ครูบาอาจารย์ท่านหวงแหนเป็นอย่างยิ่ง
" ยันต์วิรุฬจำบัง " ที่นำมาเขียนลงบนแผ่นโลหะที่เตรียมไว้ โดยมีคติความเชื่อว่ามี มหาอำนาจ โชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย คงกระพันชาตรี กำบังกายได้ ศัตรูมองไม่เห็น สยบสิ่งที่เป็นอัปมงคลทั้งหลาย แก้กันอาถรรพ์ภัยร้ายทั้งปวง
ล้อมก็ไม่เจอ เดินผ่านไปก็ไม่เห็น
พุทธัง บังจักขุ มะอะอุ ไม่เห็นอิตัวกู
ธัมมัง บังจักขุ มะอะอุ ไม่เห็นอิตัวกู
สังฆัง บังจักขุ มะอะอุ ไม่เห็นอิตัวกู
ฆะเตสิท อะหังปิตตัง นะชานามิ