ที่มีชื่อว่า พระปรุหนัง เพราะลักษณะของเนื้อหาองค์พระที่ปรากฏ ช่างยุคนั้นออกแบบการเทหล่อเนื้อพระ ต้องการเทหล่อแบบให้องค์พระบาง เพื่อให้องค์พระที่ได้ มีพิมพ์พระที่เจาะโปร่ง ทะลุแบบมีลวดลายฉลุ จนดูคล้ายแผ่นหนังตะลุง หรือคล้ายกับแผ่นหนังใหญ่ ที่ใช้เชิดในการแสดงสมัยก่อน
องค์พระประทับนั่งอยู่ในซุ้มเสมา เหนือซุ้มเสมาขึ้นไปประดับด้วยลวดลายคล้ายกิ่งไม้รวม ๖ กิ่ง จำนวนเท่ากัน ข้างละ ๓ กิ่ง
แต่ละด้านมีกิ่งเล็กที่มีลายใบไม้ ๒ กิ่ง พร้อมกิ่งใหญ่ ๑ กิ่ง ที่ไม่มีลวดลายใบไม้ ด้านหลังขององค์พระแบนเรียบทั้งหมด ไม่มีลายผ้า หรือลายอื่นใด
เอกลักษณ์ของพระปรุหนัง ตรงกลางเป็นรูปพระพุทธเจ้า โดยมีพระสาวก ยืนพนมมืออยู่ซ้ายและขวา ที่เศียรพระสาวกทั้ง ๒ มีลวดลายรอบเศียรโค้งมนสวยงาม ขึ้นมาเชื่อมติดกับลวดลายกิ่งไม้ด้านบน ซึ่งแลดูแล้วลงตัวอ่อนช้อยในพุทธศิลป์
พุทธคุณ เป็นที่ยอมรับกันว่า ยอดเยี่ยมทางด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เพราะสมัยก่อนสร้างไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองเหล่าวีรชนนักรบ ชนิดว่าเหนียวยันน้ำลาย